ลิปสติกมีกี่ประเภท ข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร
ลิปสติกเป็นเครื่องสำอางที่ไม่ว่าใครก็ต้องมีไว้ใช้ การเลือกประเภทของลิปสติกให้เหมาะสมกับความต้องการและลักษณะของปากเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูลิปสติกมีกี่ประเภทกัน!
1. ลิปสติกแบบเนื้อครีม (Cream Lipstick)
ลิปสติกแบบเนื้อครีมเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีความเรียบเนียนและสีสดใสเมื่อนำมาทา
ข้อดี
-ช่วยให้ริมฝีปากเนียนนุ่มและมีความชุ่มชื้น
-ทาได้ง่ายและมีความเรียบเนียน
ข้อเสีย
-อาจจะมีความมันเยิ้มมากเกินไปสำหรับบางคน
-อาจต้องทาซ้ำระหว่างวันถ้าไม่มีตัวติดทน
2. ลิปสติกแบบเนื้อแมตต์ (Matte Lipstick)
ลิปสติกแบบเนื้อแมตต์เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลุคที่เรียบหรูและดูสวยงามยาวนาน เนื้อแมตต์จะไม่เงาหรือมันเหมือนเนื้อครีม แต่จะให้ลุคที่แห้งและมีความทนทานสูง เหมาะกับการแต่งหน้าในโอกาสพิเศษ
ข้อดี
-ติดทนนานและไม่ต้องทาซ้ำบ่อย
-ให้ลุคที่หรูหราและดูเรียบง่าย
ข้อเสีย
-อาจทำให้ริมฝีปากแห้งหรือเกิดรอยแตกได้
-ต้องใช้ลิปบาล์มบำรุงก่อนทาเพื่อป้องกันริมฝีปากแห้ง
3. ลิปสติกแบบเนื้อกลอส (Gloss Lipstick)
ลิปสติกแบบเนื้อกลอสจะให้ความเงางามและมันวาวที่ช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับริมฝีปาก เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เนื่องจากไม่เน้นสีสันเข้มข้นมากนัก แต่จะช่วยเพิ่มความสดใสให้กับใบหน้า
ข้อดี
-ช่วยให้ริมฝีปากดูเต็มและมันวาว
-ทำให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มและนุ่ม
ข้อเสีย
-สีไม่ทนทานและต้องทาซ้ำบ่อยๆ
-อาจทำให้รู้สึกเหนียวหรือมันเยิ้มบนริมฝีปาก
4. ลิปสติกแบบแท่ง (Bullet Lipstick)
ลิปสติกแบบแท่งเป็นลิปสติกที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี โดยมักจะมาในรูปแบบของแท่งแข็งซึ่งสะดวกต่อการใช้งานและสามารถพกพาได้ง่าย เหมาะกับการใช้ในทุกโอกาสและมีหลายเฉดสีให้เลือก
ข้อดี
-ใช้งานง่ายและสะดวก
-มีหลายสีให้เลือกและเหมาะกับทุกสไตล์
ข้อเสีย
-อาจต้องพกพาให้ระมัดระวังหากไม่ต้องการให้ลิปสติกหัก
-ต้องระวังไม่ให้หกหรือหลุดร่วง
5. ลิปสติกแบบลิควิด (Liquid Lipstick)
ลิปสติกแบบลิควิดเป็นอีกหนึ่งประเภทที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถให้สีสันที่สดใสและติดทนนาน มักมาในรูปแบบของทิ้นต์หรือเนื้อแมตต์ที่ไม่ต้องทาซ้ำ
ข้อดี
-สีติดทนทานและไม่ต้องทาซ้ำตลอดวัน
-มีหลายเฉดสีให้เลือก ใช้ง่ายและสะดวก
ข้อเสีย
-อาจทำให้ริมฝีปากแห้งถ้าหากไม่ได้ดูแลเป็นพิเศษ
-ต้องใช้เวลารอให้แห้งก่อนทำกิจกรรมต่างๆ